[ Better, Not Done ]

ตั้งแต่วัยเด็กเราเรียนรู้ได้จากการเลียนแบบ จิตใต้สำนึกของเราจะคอย สังเกตวิธีที่คนรอบข้างปฏิบัติตัวอยู่ตลอดเวลา และปรับพฤติกรรมของเราให้เป็นไปตามคนรอบตัว
.
เราได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผู้คนที่เราคบหา ไม่ว่าจะเป็นความคิด การตัดสินใจ พฤติกรรมต่างๆ


📖 สก็อตต์ แกลโลเวย์ (Scott Galloway) เขียนอธิบายเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ “สมการความมั่งคั่งที่โรงเรียนไม่เคยสอน” ว่า
.
“สมองของเราถูกสร้างมาให้เชื่อมโยงสิ่งที่เราทำกับสิ่งที่คนอื่นทำ เซลล์สมองกระจกเงา (Mirror Neurons) เป็นวงจรทางชีววิทยาเฉพาะที่ทำงานทั้งตอนที่เราลงมือทำ และตอนที่เราสังเกตเห็นคนอื่นทำ (และบางส่วนอาจทำงานเมื่อเราแค่จินตนาการว่าคนอื่นกำลังทำสิ่งนั้น) ในฐานะสัตว์สังคมเรามักจะเปรียบเทียบ ตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เรียนรู้จากพวกเขา และปรับพฤติกรรมของเราให้เข้ากับบรรทัดฐานของกลุ่ม”
.
พูดอีกอย่างหนึ่งคือ คนเราหากเราไปอยู่ในกลุ่มคนแบบไหน ก็มักจะทำตัวตามกลุ่มฝูงคนในนั้นไปด้วย กลุ่มคนกินเยอะ เราก็จะกินเยอะ กลุ่มคนออกกำลังกาย เราก็จะออกกำลังกาย กลุ่มคนที่คุยเรื่องธุรกิจและการหาเงิน เราก็จะอยากคุยอยากทำธุรกิจและหาเงินด้วยเช่นเดียวกัน
.
เพราะฉะนั้นถ้าเป้าหมายของเราคือ “ชีวิตที่มั่งคั่ง” แทนที่พยายามไปซื้อหวย แนวทางที่ชัดเจนกว่าคือการขยับตัวไปอยู่ในกลุ่มคนที่อยู่ใกล้มาตรฐานที่คุณอยากเป็น เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนจากการถูกสั่งสอน แต่เปลี่ยนจากการซึมซับบรรยากาศ
.
การเงินก็เช่นกัน เราไม่ได้วางแผนเก่งขึ้นเฉยๆ เราเลียนแบบเก่งขึ้นเมื่อเข้าไปอยู่ในวงที่บังคับให้เราทำตัวให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานของวงนั้น
.
เซลล์สมองกระจกเงาจะทำงานทั้งเวลาที่เราทำพฤติกรรมและเวลาที่เราดูคนอื่นทำ ซึ่งเป็นรากของการเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบและความเห็นอกเห็นใจ (empathy) และการเลียนแบบแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแค่เรื่องของของเด็กเท่านั้น แต่เป็นกลไกสังคมของมนุษย์ทุกวัยที่ทรงพลังมากกว่าที่เราคิดเสียอีก
.
ทางสังคมวิทยามีคำเรียกสิ่งนี้ว่า “homophily” ที่อธิบายว่าทำไมนกฝูงเดียวกันโผบินด้วยกัน ความคล้ายคลึงดึงดูดกันและกัน จนเครือข่ายส่วนบุคคลเต็มไปด้วยคนที่มีทัศนคติ พฤติกรรม และมาตรฐานใกล้เคียงกัน ผลคือโลกข้อมูลและพฤติกรรมของเราแคบลงหรือเปิดกว้างขึ้นตามคนที่เราอยู่ด้วย
.
นี่คือเหตุผลที่ทำไมการ ’Know Who’ นั้นสำคัญไม่น้อยไปกว่า (หรืออาจจะมากกว่า) การ ‘Know How’ ด้วยซ้ำ
.
แกลโลเวย์จึงบอกว่าถ้าเรามีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่งคั่งในชีวิต สิ่งที่เราควรทำคือคบเพื่อนที่มั่งคั่งด้วยเช่นกัน
.
เขาบอกว่า “นี่เป็นหนึ่งในคำแนะนำที่มีข้อโต้แย้งมากที่สุดของผม และเป็นส่วนที่ทำให้หลายคนรู้สึกโกรธจริงจัง นั่นคือข้อสรุปที่ว่าคุณควรค่อยๆ ถอยห่างจากความสัมพันธ์ส่วนตัวที่คอยฉุดรั้งตัวคุณเอาไว้”
.
แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าให้เลือกคนเพื่อนที่ตัวเลขในบัญชี แต่เป็นการเลือกมิตรภาพที่มีคุณภาพ ดึงเราให้เติบโต ไม่ได้บอกให้เราตัดขาดจากเพื่อนเก่าหรือคนที่ฐานะไม่ดี แต่เตือนว่า หากบางความสัมพันธ์กลายเป็น “น้ำหนักถ่วง” ต่อการพัฒนาชีวิต เราต้องมีสติและกล้าพอที่จะเว้นระยะ
ความผูกพันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะหยุดโต
.
คนรวยมักรู้จักคนรวยด้วยกันเพราะกลไก homophily และการได้สัมผัสวิธีคิด วิธีใช้เวลา วิธีเสี่ยงและป้องกันความเสี่ยงของพวกเขา คือหลักสูตรเร่งรัดที่หาซื้อไม่ได้ในห้องเรียน การคบคนที่ยกระดับมาตรฐานคุณเป็นสิ่งที่คนฉลาดทำมานาน เซเนกาพูดไว้ตรงๆ เมื่อสองพันปีก่อนว่า “จงคบหากับคนที่มีแนวโน้มจะพัฒนาคุณ ต้อนรับคนที่คุณสามารถพัฒนาได้ กระบวนการนี้เป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายเรียนรู้ในขณะที่สอน”


แล้วจะเริ่มยังไง?

  • คัดกลุ่มคนที่ถูกต้อง ใช้จ่ายต่ำกว่ารายได้ อดทนกับความน่าเบื่อของการทบต้น วัดความเสี่ยงเป็น และคุยเรื่องเงินอย่างตรงไปตรงมา กลุ่มแบบนี้จะยกบรรทัดฐานประจำวันของคุณเองโดยอัตโนมัติ การวิ่งเดี่ยวสู้แรงเฉลี่ยของกลุ่มลำบากกว่ามาก เหมือนพยายามกินน้อยในงานเลี้ยงที่ทุกคนเติมอาหารรอบที่สามกันแล้ว
    .
  • แยกความร่ำรวยจริงๆ ออกจากการอวดรวย เพราะคนมีวินัยทางการเงินมักคล้ายกัน รายจ่ายต่ำกว่า รายได้สูงกว่า ระยะยาวชนะระยะสั้น ความสม่ำเสมอชนะความฉูดฉาด อย่าเลียนแบบการบริโภค เลียนแบบกระบวนการ (process) แทน เช่น กฎการออมเงิน การลงทุน การกระจายความเสี่ยง ฯลฯ
    .
  • ระวังเรื่องการถูกดึงกลับไปยังวงเดิมๆ จนเลิกก้าวหน้า เอพิกทิตัสนักปรัชญาสโตอิกกล่าวไว้ว่า “เหนือสิ่งอื่นใดจงระวัง สิ่งนี้ให้ดีว่า คุณไม่เคยผูกติดกับคนรู้จักและเพื่อนเก่าของคุณจนถูกดึงลงไปสู่ระดับเดียวกับพวกเขา ถ้าคุณไม่ระวัง คุณจะพินาศ… คุณต้องเลือกว่าจะถูกรักโดยเพื่อนเหล่านี้และยังคงเป็นคนเดิมต่อไป หรือจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้นโดยแลกกับเพื่อนเหล่านั้น… ถ้าคุณพยายามจะเอาทั้งสองอย่าง คุณจะไม่ก้าวหน้าและไม่สามารถรักษาสิ่งที่คุณเคยมีไว้ได้”
    .
  • ถ้าคุณยังไม่รู้จะเริ่มยังไงให้ลองสร้างสภาพแวดล้อมเหล่านั้นขึ้นมาก่อน ผ่านหนังสือ พอดแคสต์ ห้องเรียนออนไลน์ กลุ่มชุมชนอาชีพ การเป็นที่ปรึกษา/ลูกศิษย์ชั่วคราว อัลกอริทึมของโซเชียลก็เป็นสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่ง คัดฟีดให้กลายเป็นพื้นที่ที่บังคับให้คุณได้ตรึกตรอง ใช้เหตุผล และทำสิ่งถูกแม้จะน่าเบื่อ บ่อยครั้ง แค่นี้ก็พอจะเปลี่ยนเส้นทางของชีวิตได้

ความร่ำรวยเกิดจากการตัดสินใจดีพอซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการรวยได้นานเกิดจากการตัดสินใจแย่ๆ น้อยลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งแวดล้อมคือกรอบของอุปนิสัยและพฤติกรรม บางครั้งการตัดสินใจที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่หุ้นตัวไหน แต่เป็นพื้นที่ไหน คนไหน และมาตรฐานไหนที่คุณจะอนุญาตให้ตัวเองเลียนแบบตั้งแต่ตอนนี้

“การค้นหาและเชื่อมต่อกับคนที่ร่ำรวยจะมอบตัวอย่างพฤติกรรมสำหรับการได้มาและการใช้ชีวิตกับความมั่งคั่ง สิ่งนี้สำคัญเป็นพิเศษหากคุณเติบโตมาในครอบครัวที่มีเงินไม่มากและไม่ค่อยได้สัมผัสกับมันมากนักเหมือนอย่างผม คนรวยมักจะรู้จักคนรวยด้วยกัน และเครือข่ายดังกล่าวอาจมีค่ามหาศาล หลายครั้ง ที่ความสัมพันธ์ถูกให้น้ำหนักมากเกินไป มันแทบไม่เพียงพอที่จะชดเชยทักษะที่ขาดหายหรือการทำงานหนักได้ แต่มันสามารถเพิ่มจำนวนของโอกาสที่คุณมีเพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นได้”

Scott Galloway

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แกลโลเวย์ก็บอกว่าให้ระวังสิ่งที่เพื่อนผู้ร่ำรวยของคุณพูดเกี่ยวกับการลงทุนเพราะคนมักจะพูดถึงชัยชนะของตัวเองมากกว่าความสูญเสีย
.
“เรียนรู้จากชัยชนะของคนอื่น แต่จงรู้ไว้ว่าพวกเขาก็สูญเสียเช่นเดียวกัน”


อ้างอิง : https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15217330/
https://pure-oai.bham.ac.uk/ws/portalfiles/portal/146501026/ruddockh2021thesoc.pdf
https://www.nature.com/articles/s41586-022-04996-4


ไม่พลาดบทความที่จะช่วยให้คุณเก่งขึ้นจาก Producktivity

เพียงกรอก e-mail ที่ลิงก์นี้ -> Subscribe 📮 <-, รับรองไม่มี Spam แน่นอนครับ

Leave a comment