มีคนบอกว่าทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดคือเวลา
.
ถูกนะ แต่ผมอยากเสริมว่าถ้ามีแค่ ‘เวลา’ แล้วปล่อยมันทิ้งไปเฉยๆ หรือใช้มันเพื่อวิ่งวุ่นทำอะไรที่ไม่ได้ส่งเสริมเป้าหมายในชีวิต มันก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างเปล่าประโยชน์
.
เพราะฉะนั้นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดน่าจะเป็น ‘เวลาที่เราใช้อย่างตั้งใจ’ แบบมีเป้าหมายและ ‘Focus’ ที่ชัดเจนมากกว่า
.
เพียงแต่ว่า ‘Focus’ หรือการมีสมาธิจดจ่อกับการทำอะไรบางอย่างจริงๆ ในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเหมือนกัน เพราะในโลกที่ทุกอย่างร้องเรียกความสนใจคุณอยู่ตลอดเวลา เสียงแจ้งเตือน หน้าจอโฆษณา ข้อมูลไหลผ่านทุกวินาที ปัญหาเรื่องงาน เรื่องชีวิต เดี๋ยวทางนู้นทีทางนี้ที แทบจะเหมือนพนักงานดับเพลิงที่วุ่งวุ่นดับไฟตั้งแต่เช้ายันเย็น
.
หมดวันรู้สึกเหมือนว่าจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือบางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้ที่ยุ่ง ยุ่งเพราะอะไร? แล้วสิ่งที่ทำอยู่ทำให้เราขยับเข้าใกล้เป้าหมายใหญ่ในชีวิตของเรามากขึ้นไหม

เปาโล โคเอลโญ เคยกล่าวว่า “เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการบรรลุเป้าหมาย จงลืมตาให้กว้าง มีสมาธิ และมั่นใจว่าคุณรู้แน่ชัดว่าคุณต้องการอะไร เพราะไม่มีใครหลับตาแล้วเล็งเป้าได้ถูก”
.
ทุกวันนี้เราเหมือนหลับตาตีเป้าแล้วหวังว่ามันจะโดน ซึ่งเชื่อสิว่าเราไม่ได้โชคดีอะไรขนาดนั้น เราเสียความสามารถในการโฟกัสให้กับสิ่งรบกวนเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกว่า ’Noise’ อยู่ตลอดโดยไม่รู้ตัว
.
หลายคนพยายามตามล่าหาวิธีเรียกโฟกัสกลับมา ไม่ว่าจะเป็นแอปใหม่ เครื่องมือใหม่ หรือเทคนิค productivity ที่บอกว่าจะช่วยคุณจัดการเวลาและความคิดได้ดีกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้ง ความสามารถในการโฟกัสก็มาแป๊บเดียวแล้วหายไป เหมือนเงินเดือนช่วงต้นเดือนยังไงยังงั้น
.
เหตุผลที่เป็นแบบนั้นเพราะนี่คือการจัดการปัญหาที่ “ปลายทาง” แทนที่จะกลับมามองที่ “ต้นเหตุ” ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ ดาริอุส โฟรูซ์ (Darius Foroux) ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้เขียนหนังสือการเงินขายดีอย่าง “The Stoic Path to Wealth” บอกว่าความจริงคือการมีสมาธิไม่ใช่สิ่งที่คุณสร้างจากเทคนิคหรือวินัยเฉียบขาด มันเป็นผลลัพธ์ของวิธีใช้ชีวิตของคุณมากกว่า
.
ในวันที่คุณใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สงบ มีเป้าหมายชัด สมาธิก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ แต่ในวันที่คุณวุ่นวาย เร่งรีบ ตอบสนองทุกอย่างที่เข้ามา สมาธิก็จะถูกกลืนหายไปพร้อมกับความโกลาหลในชีวิต
.
หากคุณอยากได้โฟกัสคืนมา เขาเลยบอกว่าอย่ามองหาเครื่องมือใหม่ แต่ให้เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตแทน ซึ่งเขาเรียกมันว่า “STIB” ที่จะช่วยทำให้โฟกัสกลับมาในชีวิตคุณได้อีกครั้ง
.
🖥️ – Space คือพื้นที่ที่ไม่รบกวนสมองคุณ
.
โต๊ะรก ๆ คือข้ออ้างที่สมองเอาไว้ใช้เลี่ยงงานที่ต้องใช้สมาธิ การจัดระเบียบโต๊ะอาจรู้สึก productive แต่จริง ๆ แล้วมันคือการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ต้องทำจริงๆ มากกว่า
.
Henry David Thoreau พูดไว้ว่า “We can never have enough of Nature.” เขาไม่ได้หมายถึงแค่ภูเขาหรือแม่น้ำ แต่หมายถึงความเรียบง่าย พื้นที่ที่ช่วยให้สมองสงบ แทนที่จะกระตุ้นให้มันตื่นตัวเกินความจำเป็น
.
คุณไม่จำเป็นต้องมีห้องทำงานหรู แค่โต๊ะที่โล่ง ไม่มีโทรศัพท์ใกล้ตัว แสงธรรมชาติตอนกลางวัน และความเงียบพอสมควร ก็ช่วยให้การโฟกัสกลับมาทำงานได้แล้ว
.
🌄 – Time คือเวลาโฟกัสที่คุณต้องปกป้องดั่งของที่มีค่าที่สุดในแต่ละวัน
.
ไม่มีใครสามารถทำงานแบบ Deep Work ได้ถ้าต้องคอยตอบแชตหรือสลับงานทุก 5 นาที
.
ผมจะกันเวลา 90-120 นาทีในตอนเช้าโดยไม่มีการรบกวน ไม่มีข้อความ ไม่มีอีเมล เพื่อใช้มันกับตัวเอง เอาไว้ออกกำลังกาย เอาไว้นั่งเขียนบันทึก เอาไว้อ่านหนังสือ เอาไว้วางแผนสิ่งที่ต้องทำ งานที่ต้องใช้สมองโฟกัสมากๆ ช่วงเวลาเหล่านี้มีค่ามากกว่าการทำงานทั้งวันแบบขาดสมาธิ
.
ถามตัวเองว่า ‘ถ้ามีแค่สิ่งเดียวที่จะต้องทำเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายของเราอีกหนึ่งก้าว สิ่งนั้นคืออะไร?’ แล้วลืมตาให้กว้าง มีสมาธิกับมัน เผชิญหน้ามันเป็นสิ่งแรกของวันเลย
.
ปัญหาคือ เราให้คนอื่นเข้ามากินเวลาส่วนนี้ง่ายเกินไป ปล่อยให้โลกภายนอกมากำหนดตารางชีวิตของเรา และสุดท้าย ก็เหลือเวลาน้อยเกินไปสำหรับงานที่สำคัญจริง ๆ
.
การปกป้องช่วงเวลาทำงานแบบลึก ๆ วันละครั้งอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าคุณทำได้ต่อเนื่อง มันสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิต และคุณภาพของผลงานของคุณได้อย่างแน่นอน
.
📰 – Input คือสิ่งที่คุณปล่อยให้เข้าสู่สมองในแต่ละวัน
.
ในภาษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มีคำหนึ่งที่บอกว่า ‘Garbage In, Garbage Out’ หรือถ้าเราป้อนข้อมูลที่ไม่ได้เรื่องเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ข้อมูลที่ได้กลับมาก็จะไม่ได้เรื่องเช่นเดียวกัน
.
สมองเราก็เหมือนกันครับ ความคิดที่ดีไม่สามารถออกมาได้จากเชื้อเพลิงที่เป็นข้อมูลขยะ
.
โซเชียลมีเดียทำให้สมองคุณคึกคักตลอดเวลาก็จริง แต่บ่อยครั้งข้อมูลที่เป็นข่าวสาร ดราม่า ฯลฯ ที่ไม่จบสิ้น ความเห็นที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ทั้งหมดนี้เหมือนอาหารแปรรูปที่ไร้สารอาหารทางความคิด ที่กินบ่อยๆ ไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวแน่นอน
.
ตั้งเวลาในการใช้งานโซเชียลมีเดียหรือเสพสื่ออย่างตั้งใจ คุณไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากโลก แต่คุณต้องเลือกว่าจะให้สิ่งไหนเข้าในเวลาที่สมองต้องการใช้พลังงานมากที่สุด
.
🏋️ – Body คือพลังงานที่ทำให้สมองทำงานได้ดี
.
ร่างกายของคุณไม่ได้แยกขาดจากสมอง มันเป็นระบบเดียวกัน และระบบนี้จะพังทันทีถ้าคุณละเลยการดูแลมัน
นอนไม่พอ เท่ากับการวางเตะตัดขาตัวเองตั้งแต่ยังไม่เริ่มวันเลย
.
หากร่างกายไม่ขยับ สมองก็เฉื่อยชาตามไปด้วย กาแฟมากเกินไปในช่วงบ่าย กลายเป็นนอนไม่หลับตอนกลางคืน แล้วก็กลายเป็นวงจรซ้ำไปเรื่อย ๆ
.
ลองสังเกตดูครับว่าอะไรบ้างที่รบกวนการนอน อะไรบ้างที่ทำให้คุณตื่นมาอย่างสดชื่น คุณไม่ต้องออกกำลังกายหนักๆ แบบนักกีฬา แต่การออกไปเดินในธรรมชาติอย่างสม่ำเสมอ เล่นเวทเบา ๆ หรือแม้แต่ยืดเส้นหลังจากนั่งนาน ก็พอแล้วที่จะให้สมองกลับมามีแรงทำงานอีกครั้ง
.
ส่วนตัวผมจะวิ่งเป็นประจำสัปดาห์ละ 4-5 วัน สั้นบ้างยาวบ้าง เพราะถ้าร่างกายไม่พร้อม สมองยังไงก็ไม่พร้อม
.
โฟกัสไม่ใช่เป้าหมาย มันคือผลลัพธ์
.
หลายคนมองหาเทคนิคโฟกัสแบบสำเร็จรูป ทั้งที่จริงแล้ว โฟกัสไม่ใช่สิ่งที่คุณควรไล่ตาม มันจะเกิดขึ้นเองถ้าคุณใช้ชีวิตที่เอื้อให้มันมันเกิดขึ้น
.
จัดโต๊ะให้เรียบง่าย สงวนเวลาสำคัญให้ตัวเองทำตามเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน เลือกข้อมูลที่มีคุณภาพ ดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
.
สี่อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราลืมไปว่าของพื้นฐานมักเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุด เมื่อทำได้เวลาที่เต็มไปด้วยคุณภาพจะกลายเป็นค่าพื้นฐานของชีวิต
.
และในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน ชีวิตที่มีเวลาเราสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ จะเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้คุณก้าวหน้ากว่าคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
อ้างอิง
https://dariusforoux.medium.com/how-to-rebuild-your-focus-in-a-distracted-world-8acca9685b98
https://www.goodreads.com/quotes/63147-whenever-you-want-to-achieve-something-keep-your-eyes-open
[ #เก่งแบบเป็ด 🦆]
[ Getting Better One “QUACK” At A Time ]

Leave a comment