[ Better, Not Done ]

มีคำพูดของ คาร์ล ยุง (Carl Jung) ที่อ่านแล้วต้องหยุดคิดกับมันสักพักหนึ่ง เขาเคยพูดว่า
.
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการยอมรับตัวเองอย่างสมบูรณ์”
.
ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่าไม่ว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จแค่ไหน หรือทำเป้าหมายบางอย่างได้ดีแค่ไหน ทำไมมันยังมีบางอย่างที่ข้างในรู้สึกว่างเปล่า เหมือนเราใส่หน้ากากเล่นบทบาทบางอย่างจนเก่ง จนลืมว่า “ตัวจริง” ของเราหน้าตาเป็นยังไง
.
ผมรู้สึกแบบนั้นตอนสวมหน้ากากเป็นเจ้าของธุรกิจที่มุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จ อยากเป็นยูนิคอร์น วิ่งตามล่าเงินทุน พิชชิ่งเวทีแล้วเวทีเล่า ได้เงินทุนมาแล้วอยากได้อีก อยากให้มันโตไปอีก แต่สุดท้ายวันหนึ่งก็มาถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ เหรอ?” หรือเรากำลังหลงทางอยู่กันแน่ เป้าหมายนี้เราตั้ง หรือ ใครตั้ง?
.
ยุงเชื่อว่า “ฉัน” ที่เรารู้จัก เป็นเพียงแค่ “เปลือก” (หรือที่เขาเรียกว่า persona)
.
เรามีหลาย “ตัวตน” ที่เราสวมใส่ในแต่ละสถานการณ์
.
เรามีเวอร์ชันที่เป็นมืออาชีพในที่ทำงาน
เรามีเวอร์ชันที่เป็นลูกที่ดี
เรามีเวอร์ชันที่เป็นเพื่อนร่าเริง และคู่รักที่เข้าใจ
.
ทั้งหมดนั้นจำเป็นนะ เพราะมันคือหน้ากากทางสังคมที่ช่วยให้เราทำหน้าที่ได้ดี แต่ปัญหาคือ… ถ้าเราเผลอสวมมันนานเกินไป เราจะเริ่มเชื่อว่าหน้ากากนั้น “คือตัวเรา”
.
และนั่นคือจุดที่ชีวิตเริ่มหลงทาง เหมือนผมที่วิ่งไล่ตามเป้าหมายโดยไม่รู้เลยว่าทำไปทำไม หรือ เพื่ออะไร จนกระทั่งเบิร์นเอาต์และแทบไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรเลยในแต่ละวัน
.
บางทีวันนี้คุณอาจตื่นขึ้นมาตอนอายุ 45 พร้อมเรซูเม่ประสบการณ์ทำงานที่สวยหรู แต่ตอบไม่ได้เลยว่า “ฉันคือใครกันแน่” อารมณ์ประมาณนั้นเลย
.
ใต้หน้ากากนั้นคือสิ่งที่คุณซ่อนไว้ ความกลัว ความอิจฉา ความโกรธ ความต้องการที่ไม่กล้าพูดออกมา
.
ยุงเรียกสิ่งนี้ว่า “เงา” (the shadow)
.
มันคือส่วนที่คุณปฏิเสธมาทั้งชีวิต แต่กลับควบคุมคุณอยู่เงียบๆ
.
ยกตัวอย่างเวลาคุณระเบิดใส่ใครเพราะเรื่องเล็กๆ นั่นไม่ใช่เรื่องของ “เขา” แต่มันคือเงาของคุณที่อยากถูกมองเห็น
.
และยุงเตือนว่า “สิ่งที่คุณต่อต้าน จะคงอยู่ต่อไป” ยิ่งคุณหลบ มันยิ่งเติบโตในความมืด
.
ลองคิดดู คนที่คุณเกลียดที่สุดอาจสะท้อนสิ่งที่คุณไม่ยอมรับในตัวเอง พูดอีกอย่างคือสิ่งที่เรามักเกลียดในคนอื่น เพราะมันคือสิ่งที่เราไม่อยากเห็นในตัวเราเอง
.
เงาของผมคืออะไร? ผมมานั่งคิด
.
อะไรคือสิ่งที่ผมพยายามกลบซ่อนอยู่ข้างในด้วยเปลือกหุ้มที่เรียกร้องหาความสำเร็จ ความร่ำรวย ชื่อเสียงต่างๆ
.
พอสังเกตดูและจ้องมองลงไปลึกๆ เงานั้นมันความรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง กลัวคนอื่นไม่ยอมรับ กลัวดีไม่พอ กลัวความรู้สึกที่ว่าตามคนอื่นไม่ทัน
.
ยุงบอกว่า “การรู้จักตัวเอง” ไม่ใช่การแสวงหาความสงบของจิตใจ แต่คือมันการเผชิญหน้ากับด้านที่คุณไม่ชอบที่สุด
.
คุณจะได้พบ “เพื่อนขี้อิจฉา” ในตัวเอง “คนขี้กลัว” ที่ยังต้องการคำยืนยัน“คนเจ้าอารมณ์” ที่ซ่อนอยู่หลังความเงียบ
และนั่นคือค่าผ่านประตูของการเติบโต
.
คุณจะไม่มีทางได้พบ “ตัวตนที่เข้มแข็ง” โดยไม่ยอมรับ “ตัวตนที่หวาดกลัว”
.
คุณจะไม่มีทางได้พบ “ตัวตนที่เติมเต็ม” โดยไม่ยอมรับ “ตัวตนที่เว้าแหว่ง”
.
คุณจะไม่มีทางได้พบ “ตัวตนที่กล้าหาญ” โดยไม่ยอมรับ “ตัวตนที่กังวลใจ”
.
แต่เมื่อคุณเริ่มยอมรับ มันจะเปลี่ยนจากศัตรูเป็นพลัง
.
ความโกรธกลายเป็นความกล้า
ความอิจฉากลายเป็นแรงผลักดัน
.
สิ่งที่คุณเคยคิดว่าเป็น “พิษ” จะกลายเป็น “เชื้อเพลิง” ถ้าคุณใช้มันอย่างถูกทาง
.
การเผชิญเงาไม่ได้แปลว่าคุณต้อง “ทำตาม” ด้านมืด แต่แค่ “ฟังมัน” ก็พอ
.
เงาพูดผ่านความฝัน สัญชาตญาณ ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องที่คุณพยายามปฏิเสธ ความรู้สึก “หมดไฟ” ในงานที่ดีเกินไป อาจเป็นเสียงของจิตใต้สำนึกที่กำลังขอให้คุณ “มีชีวิตที่มีความหมาย”
.
พยายามเป็นผู้สังเกต ทุกครั้งที่คุณหยุดดู และมองความคิดของตัวเองโดยไม่ตัดสิน นั่นคือการเริ่มรู้จักตัวตนที่แท้จริง
.
(ที่จริงถ้าใครดูนารูโตะน่าจะพอนึกภาพเรื่องนี้ออก จิ้งจอกเก้าหางคือเงานั่นแหละ)


ชีวิตของคุณไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยเหตุผลทั้งหมดหรอก มันถูกขับเคลื่อนด้วยสิ่งที่คุณไม่เคยเข้าใจในตัวเองด้วย
.
หน้าที่ของเราจึงไม่ใช่เริ่มจากการการ “แก้ไขตัวเอง” แต่เริ่มจากการ “ทำความรู้จักตัวเอง” รวมทุกด้าน ความกลัว ความฝัน ความผิด ความดี ความแปลกประหลาด ฯลฯ ให้กลายเป็นตัวเราที่ซื่อสัตย์กับตัวเองที่สุด
.
นี่คือกระบวนการที่เรียกว่า Individuation หรือการเป็น “ตัวเรา” อย่างสมบูรณ์
.
Thomas Oppong เขียนถึงเรื่องนี้เอาไว้บน Medium ว่า “งานที่แท้จริง คือกระบวนการไม่รู้จบของการรู้จักตัวเอง และการยอมรับทุกด้านในตัวเราให้เป็นหนึ่งเดียว คำถามคือ…คุณกล้าพอไหมที่จะมองกระจก และเผชิญหน้ากับทุกอย่างที่สะท้อนกลับมารึเปล่า?”
.
“ไม่มีการตื่นรู้ใดเกิดขึ้นได้โดยปราศจากความเจ็บปวด” ยุงกล่าว
.
กลายเป็นว่าความกล้าที่สุดในชีวิต อาจไม่ใช่การเผชิญโลกภายนอก แต่คือการกล้ามอง “เงา” ของเราเอง และพูดกับมันว่า “ฉันเห็นนายนะ และต่อจากนี้จะไม่หนีแล้ว”


อ้างอิง : ใครสนใจหนังสือเกี่ยวกับ Carl Jung : https://perennialwisdom.gumroad.com/l/CarlJungWisdom
https://medium.com/personal-growth/this-will-change-everything-you-know-about-yourself-says-carl-jung-d03b4decae96


[ #เก่งแบบเป็ด 🦆]


ไม่พลาดบทความที่จะช่วยให้คุณเก่งขึ้นจาก Producktivity

เพียงกรอก e-mail ที่ลิงก์นี้ -> Subscribe 📮 <-, รับรองไม่มี Spam แน่นอนครับ

Leave a comment