[ Better, Not Done ]

⚽ ทำไม ‘หมอนทอง’ ต้องมาแข่งนัดชิงวันนี้ด้วยนะ?

นั่นคือคำถามที่วนในหัวช่วงบ่ายวันที่สองของงาน Work-Life Festival 2025 เพราะรถติดมหาศาล สปีกเกอร์ที่มีตารางขึ้นพูดบนเวทีวันนั้นถ้าไม่ได้เผื่อเวลาไว้เยอะหน่อยอาจจะมาสายได้

และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

ถ้าใครไม่ได้อยู่เบื้องหลังงาน อาจจะไม่รู้เลยว่า น้องแน็ค-ศิวกร คือคนที่ช่วยชีวิตผมและทีมงานวันนั้นไว้เลยก็ว่าได้

แน็คกำลังจะขึ้นเวที แต่สปีกเกอร์คนต่อไปยังมาไม่ถึง เลยต้องหาวิธีแก้ไขเฉพาะหน้า ตอนแรกว่าจะสลับสปีกเกอร์ท่านอื่นที่มาก่อนขึ้น แต่ถ้าทำแบบนั้น แขกที่ตั้งใจมาฟังสปีกเกอร์ตามตารางเวลาอาจจะพลาดได้

จากที่ลงตารางไว้พูด 15 นาที ผมเดินไปทักน้องว่าขอซื้อเวลาให้พี่หน่อยเปลี่ยนเป็น 30 นาทีได้ไหมนะครับ?​ แน็คหันมายิ้ม “ได้ๆ พี่โส ผมจัดการให้ครับ”

จังหวะนั้นอยากกราบแทบอก

หลังจากนั้นตารางเวลาทุกอย่างก็เริ่มขยับเข้าที่อีกครั้ง และงานก็จบลงด้วยดี

.

🌊 เมื่อวานระหว่างที่นั่งฟังแน็คแชร์เรื่องราวการสร้างธุรกิจของตัวเอง แน็คบอกว่าทักษะหนึ่งที่ช่วยทำให้เขาพัฒนามาถึงจุดนี้คือ ‘การไหล’ ครับ

‘ไหล’ หมายถึงการพูดแบบไม่มีสคริปต์ นำความรู้และเรื่องราวต่างๆ ที่เรียนรู้ อ่านมา ประสบมา แล้วประสานรวมพาประเด็นที่เราอยากนำเสนอไปสู่ผู้ฟังได้

แน็คบอกว่าเขาเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ประเด็นสนุกๆ หลายครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘ชุดความรู้’ นั้นจะมีประโยชน์ตอนไหน ยกตัวอย่างแน็คบอกว่าตอนนี้ยังจำได้เลยเวลานกอินทรีจะกินเต่า มันจะบินเอาเต่าขึ้นไปปล่อยกลางอากาศให้ตกลงมากระดองแตก ซึ่งแน็คก็บอกว่าไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม แต่วันหนึ่งมันก็อาจจะมีประโยชน์ก็ได้ (พร้อมหัวเราะ)

แน็คมีความรู้เยอะ หยิบเอาเรื่องต่างๆ มาผสมกันได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นทักษะที่เจ๋งมากๆ

.

🪶 ในทางชีววิทยามีแนวคิดหนึ่งที่เรียกว่า Exaptation ซึ่งเป็นกระบวนการทางวิวัฒนาการที่ลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่างของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเดิมทีมีหน้าที่อย่างหนึ่งอยู่แล้ว ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหน้าที่ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากแรงกดดันของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

พูดอีกอย่างคือลักษณะดังกล่าวไม่ได้วิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ใหม่นั้นโดยเฉพาะ แต่เป็นผลพลอยได้หรือมีหน้าที่อื่นมาก่อน

ยกตัวอย่างเช่นขนนกในยุคแรกถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ขนนกได้ถูกปรับเปลี่ยนและมีวิวัฒนาการต่อมาเพื่อทำหน้าที่อื่นซึ่งก็คือการช่วยให้นกสามารถบินได้


เรื่องหนึ่งที่อธิบายแนวคิดนี้ได้เป็นอย่างดีคือต้นกำเนิดของเทคนิค ‘Frequency Hopping’ ที่ใช้ในเทคโนโลยี Wi-Fi Bluetooth และ ระบบสื่อสารไร้สายแทบทั้งหมด ซึ่งเริ่มต้นจาก ‘เปียโนเล่นเอง’ ในศตวรรษที่ 9

Three Brothers หรือ “พี่น้องบานุ มูซา” (Banu Musa) สร้างหนึ่งในหนังสือที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์วิศวกรรม The Book of Ingenious Devices ที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรกลอัจฉริยะ เช่น ตะเกียงเล็มไส้ตัวเอง เครื่องเป่าฟลุตอัตโนมัติ และที่สำคัญที่สุดคือเครื่องดนตรีที่เล่นเองได้

เครื่องดนตรีนี้ทำงานเหมือน “โปรแกรมแรกของโลก” คือมี กระบอกหมุดที่เจาะร่อง (pinned cylinder) ให้เป็นคำสั่ง เมื่อหมุนแล้วน้ำจะดันให้เกิดเสียงดนตรีตามคำสั่งที่ถูก “เขียน” ไว้บนกระบอก

สิ่งนี้กลายเป็นพื้นฐานให้กับ กล่องดนตรี และ เปียโนที่เล่นเอง (self playing piano) แต่ที่เจ๋งคือมันถูกพลิกไปใช้อย่างอื่นนอกจากเครื่องดนตรีด้วย

ปี 1940 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองเรือในมหาสมุทรแอตแลนติกถูกเรือดำน้ำเยอรมันโจมตีอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการสร้าง “ตอร์ปิโดที่ควบคุมระยะไกลได้” แต่โจทย์คือถ้าใช้คลื่นความถี่เดิมตลอดเวลา ข้าศึกจะดักฟังและรบกวนสัญญาณได้ง่ายมาก

📻 ต้องหาวิธีให้ ตัวควบคุม และ ตอร์ปิโด ที่สามารถ “เปลี่ยนความถี่พร้อมกัน (frequency hopping)” ได้ เพื่อให้ศัตรูตามไม่ทัน

นี่คือช่วงเวลาที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี Hedy Lamarr นักแสดงฮอลลีวูดมากความสามารถจับมือกับ George Antheil นักแต่งเพลงที่เคยสร้างงานดนตรีโดยใช้ “เปียโนเล่นเองหลายตัวพร้อมกัน”

Antheil จำได้ว่า เขาเคยมีปัญหา “ซิงค์จังหวะเปียโนอัตโนมัติหลายตัว” ให้เล่นพร้อมกันในงาน Ballet Mécanique เขาจึงเสนอวิธีที่คุ้นเคย โดยใช้ “แผ่นโรลเจาะรู” เหมือนเปียโนเล่นเอง แต่คราวนี้เปลี่ยนจาก “โน้ตเพลง” เป็น “คำสั่งเปลี่ยนคลื่นความถี่”

แผ่นโรลสองอัน (หนึ่งอันในรีโมท หนึ่งอันในตอร์ปิโด) จะหมุนพร้อมกัน รูเจาะที่ตรงกันจะบอกให้สัญญาณ “กระโดดความถี่” ในจังหวะเดียวกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งกลายมาเป็นรากฐานของ เทคโนโลยี frequency hopping ที่ปัจจุบันถูกใช้ใน Wi-Fi Bluetooth และระบบสื่อสารไร้สายแทบทั้งหมด

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดไม่ใช่เครื่องดนตรี ไม่ใช่ตอร์ปิโด แต่คือ “กลไกการคิด” Exaptation ที่อยู่เบื้องหลังนั่นแหละครับ ของที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่ออย่างหนึ่ง แต่ดันถูกรื้อมาใช้แก้ปัญหาอีกอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด


เหมือนปีกนกที่ตอนแรกมีไว้ควบคุมอุณหภูมิ แล้ววิวัฒนาการนั้นกลายเป็นประโยชน์สำหรับการบินของนกซะงั้น มนุษย์ก็ทำแบบเดียวกันกับหลายต่อหลายอย่าง ความคิดหนึ่งถูกดึงไปใช้กับงานอื่นๆ โดยไม่มีใครบอกว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก

บทเรียนสำคัญคืออย่าดูถูกเครื่องมือที่ตัวเองมี ความรู้หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้มาอาจจะมีประโยชน์สักวันหนึ่ง (อย่างเรื่องนกอินทรีกับเต่าของแน็คสักวันอาจจะมีประโยชน์ก็ได้)

ทุกครั้งที่คุณเรียนรู้ของใหม่ แม้จะไม่ได้ใช้มันตอนนี้ คุณกำลังเก็บเครื่องมือเข้ากล่อง และวันหนึ่งมันอาจจะกลายเป็น “สิ่งที่ใช่” ในวันที่คุณต้องการมากที่สุด

เหมือนอย่างที่แน็คชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ช่วยเสริมทักษะ “การไหล” แบบที่แน็คซึ่งสำคัญมากๆ ในการทำงาน และช่วยให้งานวันนั้นผ่านมาได้ด้วยดี


อ้างอิง : The Great Mental Models II

https://interlude.hk/the-parents-of-wi-fi-hedy-lamarr-and-george-antheil/


ไม่พลาดบทความที่จะช่วยให้คุณเก่งขึ้นจาก Producktivity

เพียงกรอก e-mail ที่ลิงก์นี้ -> Subscribe 📮 <-, รับรองไม่มี Spam แน่นอนครับ

Leave a comment