“ถ้าคุณไม่เลือกทุ่มเทให้กับงานที่มีความหมาย ชีวิตก็จะเอา “งานยุ่งไร้สาระ” มาเติมเวลาให้คุณเอง”
.
Naval Ravikant เคยทวีต Quote นี้เอาไว้ ซึ่งผมคิดว่าโครตจริงเลยนะ
.
ถ้าคุณไม่เลือก ชีวิตจะเลือกแทนคุณเอง และข่าวร้ายคือชีวิตไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก
.
มันจะไม่ได้ยัด “งานที่มีความหมาย” ใส่ตารางคุณ แต่มันจะยัดทุกอย่างที่ดังที่สุด วุ่นที่สุด ด่วนที่สุดเข้าไปแทน จนคุณจะไม่มีที่เหลือให้สิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิตเลย
.
—
.
มีรุ่นน้องคนหนึ่งเคยถามว่ามันจะเป็นอะไรไหมถ้าช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตจะรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไร ปล่อยวางบ้างเพราะชีวิตเร่งรีบตลอดเวลา
.
‘ไม่เลย’ ผมบอก ‘ที่จริงมันเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้กลับมาทบทวนตัวเองด้วยซ้ำว่าเป้าหมาย (purpose) สิ่งที่ควรทำต่อไปในอนาคตที่สำคัญจริงๆ คืออะไร’
.
เราโตมาในโลกที่ “ช่องว่าง” คือศัตรูครับ
.
เงียบไม่ได้ ว่างไม่ได้ หรือการอยู่เฉยๆ สักพักจะรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ประโยชน์
.
ถ้าว่าง 5 วินาที มือก็เอื้อมไปหาโทรศัพท์เองโดยอัตโนมัติแล้ว
.
ถ้าตารางโล่ง คนอื่นขอให้คุณช่วยทำอะไรบางอย่างที่คุณเกรงใจเกินไปที่จะปฏิเสธ
.
ถ้าไม่ตอบไลน์เดี๋ยวนี้ กลัวคนอื่นจะคิดว่าเราไม่มีความรับผิดชอบ
.
ชีวิตมันไม่ชอบที่ว่างครับ
.
เวลาในวันของคุณก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่เป็นคนกำหนดเองว่า “อะไรสำคัญกับเราจริงๆ” โลกภายนอกจะอาสากำหนดให้ทันที
.
พอมีอะไรเข้ามาก็รีบตอบสนอง และทำก่อน หลายอย่างกลายเป็น “หน้าที่” ของคุณไปโดยปริยาย
.
—
.
ปัญหาคือ สมองเราถูกโปรแกรมมาให้แพ้ “สิ่งเร้า” อยู่แล้ว
.
งานที่มีความหมายมักมาในรูปแบบที่น่าเบื่อ เงียบ และไม่เร่งด่วนอย่างเช่น การเขียนหนังสือ ฝึกสกิลที่ทำให้เราโตในระยะยาว วางแผนการเงินให้ตัวเอง หรือทำโปรเจกต์ที่ช่วยให้
.
มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิต “โตขึ้น” ขยับไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง ตามเป้าหมายของชีวิต แต่งานแบบนี้นะครับไม่มีใครมาทวงคุณ ไม่มี Notification ไม่มีไลน์เด้งเตือนให้คุณนั่งลงทำนะ
.
ตรงกันข้าม จะมีงานอีกประเภทที่เรียกว่า “งานไร้สาระที่ดูยุ่ง” (busywork) กลับคอยเคาะประตูอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่าง อีเมลที่ต้องตอบ “ขอภายในวันนี้นะคะ” ประชุมที่ไม่มีสาระ แต่ทุกคนก็เข้า รายงานที่ไม่มีใครอ่าน แต่ต้องส่ง หรือที่ทำประจำคือไถฟีดข่าวที่ทำให้รู้สึกว่า “ตามโลกทัน” ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตอะไรเลย
.
ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นนะ?
.
อย่างแรกคือความรู้สึกว่า “กูโคตรมีประสิทธิภาพ” (555555) คอยติ๊กเช็กลิสต์ทีละช่อง ตอบไลน์ครบทุกคน เคลียร์กล่องอีเมลจนโล่ง แล้วโดพามีนในสมองก็ทำให้คุณรู้สึกว่าเก่งมาก ชีวิตโปรดักทีฟสุดๆ
.
แต่มันทำให้เราขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ไหม? ก็อาจจะไม่
.
เราแค่ทำทุกอย่างให้รอด…ไปอีกหนึ่งวัน
.
อย่างที่สองคือ คำว่า “ยุ่ง” เป็นข้ออ้างที่ดูดีมาก ความจริงอันโหดร้ายคือชีวิตไม่ได้ยุ่งเพราะชีวิตมันยาก แต่ “จงใจยุ่ง” เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่สำคัญกว่าแต่โคตรน่ากลัวกว่า
.
งานที่มีความหมายมักมาพร้อมกับความกลัว ความไม่แน่นอน ความกังวลบางอย่างเสมอ กลัวทำออกมาแล้วไม่ดีพอ กังวลเริ่มแล้วจะเลิกกลางทาง ทำแล้วไม่มีใครสนใจ หรือกลัวได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งอย่างที่คิด
.
ดังนั้นสมองเลยสร้างกลยุทธ์ป้องกันตัวที่แนบเนียนมากนั่นก็คือการทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ พอมีคนถามว่า “เมื่อไหร่จะเริ่มโปรเจกต์ที่อยากทำ?” คำตอบคลาสสิกก็จะโผล่มาทันทีว่า “อยากเริ่มนะ แต่ช่วงนี้ยุ่งมาก เดี๋ยวรอทุกอย่างลงตัวก่อน” (อั้นแน่!!!!)
.
ผมว่าทุกคนคงผ่านมาแล้วทั้งนั้นแหละ ผมก็เคย และตอนนี้ก็ยังมีบ้างอยู่ที่ทำแบบนั้น (ซึ่งต้องคอยกลับมาถามตัวเองบ่อยๆ) ไม่ใช่ไม่มีเวลา แต่เพราะไม่อยากนั่งอยู่กับความกลัว ความไม่มั่นใจ และความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะล้มเหลว
.
มันคือ “การหลบหนี” ที่มารูปแบบของ Google Calendar แหละ
.
—
.
ความจริงส่วนใหญ่นะ…เรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร รู้ว่า “งานที่มีความหมาย” ของตัวเองคืออะไร
.
อะไรคือสิ่งที่ถ้าทำจริงจัง 2-3 ปีต่อจากนี้ จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปเลย แต่ก็หันไปทำงานยุ่งๆ เหล่านั้นก่อนอยู่ดี
.
จำไว้ว่าสุดท้าย ชั่วโมงในแต่ละวันก็ต้องถูกใช้ไปกับอะไรสักอย่าง เพราะฉะนั้นคำถามจริงๆ คือคุณกำลังเอาเวลาไปสร้างชีวิตที่คุณอยากไปอยู่รึเปล่า?
.
แล้วจะเริ่มยังไง?
.
เลือกสักอย่างที่มีความหมายกับคุณจริงๆ ไม่ต้องเยอะนะครับ เลือกหนึ่งโปรเจกต์ หนึ่งสกิล หนึ่งงาน ที่ถ้าคุณทำต่อเนื่องจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นแบบมีนัยยะ
.
กันเวลาไว้ให้มันเลยในแต่ละวัน แค่ 30–60 นาทีที่คุณปิดแจ้งเตือนทุกอย่าง แล้วลงมือทำแบบไม่อธิบายใคร ช่วงเวลานี้คือ “พื้นที่ที่โลกห้ามยุ่ง”
.
คือช่วงแรกๆ มันจะช้าและอึดอัด แต่คือราคาที่ต้องจ่ายครับ คิดถึงเป้าหมายระยะยาวเข้าไว้ หยุด ‘Busywork’ ได้แล้ว
.
—
.
ชีวิตไม่เคยเว้นช่องว่างให้คุณหรอก ช่องว่างนี้เราต้อง “แย่งคืนมา” เอง
.
เหมือนที่ Naval บอกถ้าคุณไม่เลือกงานที่มีความหมาย งานที่ไม่มีความหมายจะเลือกคุณแทน แล้วถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไปเรื่อยๆ วันหนึ่งคุณจะตื่นขึ้นมา พบว่าคุณใช้ชีวิตทั้งชีวิตไปกับการดูแลสิ่งที่ตัวเองไม่เคยอยากได้ตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ
.
เหมือนดั่งคำกล่าวของ James Clear ที่บอกว่า
.
“You don’t need to worry about progressing slowly. You need to worry about climbing the wrong mountain.”
.
“คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าตัวเองจะเดินช้า
คุณควรกังวลมากกว่าว่ากำลังปีน ‘ภูเขาผิดลูก’ อยู่หรือเปล่า”
.
[#เก่งแบบเป็ด 🦆]
[ Better, Not Done ]
—
อ้างอิง : https://x.com/naval/status/1996857209628868659?s=46&t=d1vIDbqaCQegSMWHeiWQHA
https://open.substack.com/pub/navalsarchive/p/if-you-dont-commit-to-meaningful
https://jamesclear.com/quotes/you-dont-need-to-worry-about-progressing-slowly-you-need-to-worry-about-climbing-the-wrong-mountain

Leave a comment