[ Better, Not Done ]

🙁 ถ้าคุณอยู่ช่วงสามสิบกลางๆ – สี่สิบกว่าๆ แล้วรู้สึกว่าชีวิตมันเหนื่อย แปลก ใจหาย เบื่อคน เบื่อบ้าน เบื่อตัวเองนิด ๆ ขอให้รู้ก่อนอย่างหนึ่งครับว่า…คุณไม่ได้พัง แต่คุณอาจจะแค่กำลัง “อัปเดตระบบ” ของชีวิตอยู่
.
หลายคนถูกสอนให้เรียกมันว่า “วิกฤตวัยกลางคน”
.
ภาพในหัวคือ รถสปอร์ตสีแดง การใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง งานที่อยากลาออกทุกวัน แล้วก็ผมร่วงหน้าเถิกทีละนิด
.
มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “บางคนมาเสียคนตอนแก่” มันก็จะช่วงอารมณ์ประมาณนี้แหละ
.
แต่มีคำพูดหนึ่งของนักจิตวิทยาอย่าง Carl Jung ที่ผมชอบมาก เขามองต่างออกไป บอกว่า
.
“Life really does begin at 40. Up until then you are just doing research.”
“ชีวิตจริง ๆ เพิ่งเริ่มตอนอายุ 40 ก่อนหน้านั้นคือช่วงเก็บข้อมูลทดลอง”
.
ครึ่งแรกของชีวิตเราเอาเวลาไปทดลองเป็นลูกที่ดี พนักงานที่ดี สามี/ภรรยาที่โอเค หัวหน้าที่ไม่น่าเกลียด เหมือนใช้เวลาเป็นสิบ ๆ ปี “วิจัย” ว่าเราคือใครกันแน่
.
Erik Erikson นักจิตวิทยาพัฒนาการ บอกว่าช่วงนี้ของชีวิตคือด่าน “สร้างสรรค์กับหยุดนิ่ง” (generativity vs. stagnation) คนวัยกลางคนจะเริ่มถามตัวเองว่า “ฉันสร้างอะไรให้คนรุ่นต่อไป? ชีวิตฉันมีประโยชน์กับใครจริง ๆ บ้าง?”
.
พูดง่าย ๆ คือ จากเมื่อก่อนเราวิ่งหา “ตัวตน” ตอนนี้เราเริ่มถามหา “ความหมาย” ของการมีชีวิตอยู่แล้วนั่นเอง

.

.
🧶 ข่าวดีคือ สิ่งที่คุณรู้สึกตอนนี้…ไม่ใช่คุณคนเดียวที่รู้สึก มีงานวิจัยระดับโลกที่เก็บข้อมูลคนหลายแสนคนทั้งในยุโรปและอเมริกา พบว่าความพึงพอใจในชีวิตของคนส่วนใหญ่มีรูปคล้ายตัว U
.
คือช่วงกลางสี่สิบมักดิ่งลงสุด แล้วหลังจากนั้นค่อย ๆ ฟื้นขึ้นอีกครั้งในวัยห้าสิบขึ้นไป (แม้ว่าตอนนี้จะมีข้อมูลใหม่ๆ ที่ว่ามันต่ำมาตั้งแต่วัย 20++ แล้วก็ตาม)
.
แปลว่า ถ้าคุณรู้สึก “ตัน เหนื่อย งง” อยู่ตอนนี้ ตามสถิติแล้วคุณอยู่ตรง “ก้นหลุม” ที่คนส่วนใหญ่ก็เคยผ่านมาแล้วนั่นเอง
.
ข่าวดีครับ…แล้วมันจะผ่านไป
ข่าวร้ายคือ…มันไม่ง่ายหรอก​ (เอ้าาาา!!!)
.
Brené Brown นักวิจัยเรื่องความเปราะบางและความกล้า เรียกช่วงนี้ว่า “Midlife Unraveling” ไม่ใช่ “Midlife Crisis”
.
ชอบมากเลย “Midlife Unraveling” หรือ “การคลายปมวัยกลางคน”
.
มันไม่ใช่วิกฤตที่ต้องรีบดับไฟแต่มันคือ “ช่วงที่ชีวิตค่อย ๆ ดึงด้ายทุกเส้นออกมาดูใหม่ ว่าอันไหนคือฉันจริง ๆ อันไหนคือหน้ากากที่ใส่มานานจนลืมถอด”
.
ด้ายพวกนั้นคือบทบาทที่เราเคยคิดว่า “ต้องเป็น”
.
ต้องเป็นลูกที่ดี ต้องเก่งในสายตาพ่อแม่ ต้องเป็นหัวหน้าที่ไม่มีสิทธิ์อ่อนแอ ต้องเป็นพ่อแม่ที่เสียสละทุกอย่างให้ลูก ต้องเป็นคนที่ “ห้ามล้ม เพราะทุกคนรอพิงอยู่”
.
ปัญหาคือ เราใส่ทุกอย่างเข้าไปในชีวิต ยกเว้น…ตัวเราเอง
.
Viktor Frankl จิตแพทย์ที่รอดชีวิตจากค่ายกักกันนาซี เขาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความอยากมีความหมายในชีวิต” (The Will to Meaning) เขาบอกว่า คนเราไม่ได้อยากแค่มีความสุข แต่ลึก ๆ อยากรู้ว่า “ชีวิตของฉันมีไว้เพื่ออะไร”
.
วัยกลางคนเลยไม่ได้เป็นช่วงที่ชีวิตพัง แต่มันคือช่วงที่ชีวิตถามเราแรงขึ้นว่า “ที่เหลืออยู่…จะใช้ไปกับอะไรกันแน่?”
.
ที่เรารู้สึกว่ามันเคว้งเพราะคำถามนี้มันดังจนกลบเสียงอื่นในหัวหมดเลย เลยฟังดูเหมือนวิกฤต แต่จริง ๆ มันเหมือน ‘คำเชิญ’ ให้เราได้กลับมาสำรวจตัวเองอีกครั้งหนึ่งอย่างแท้จริง

.

.
🗃️ แล้วเราทำอะไรกับคำเชิญนี้ได้บ้าง? ไม่ต้องลาออกจากงานไปบวช ไม่ต้องซื้อฮาร์เลย์ ไม่ต้องหนีไปใช้ชีวิตสุดโต่งก็ได้นะครับ

  1. ยอมรับว่าบางความฝัน “หมดอายุ” แล้วก็ไม่เป็นไร
    .
    นี่ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันคือการเคลียร์พื้นที่ คุณอาจไม่ได้เป็นนักร้องเกาหลี นักบอลทีมชาติ หรือสตาร์ตอัปยูนิคอร์นแล้วก็ได้ แต่การยอมรับความจริง จะคืนพลังกลับมาให้คุณเอาไปใช้กับสิ่งที่ยังเป็นไปได้จริง ๆ
    .
    ลองเขียนลงกระดาษว่ามีอะไรที่หมดอายุแล้วบ้างซัก 3-4 ข้อ
    .
    แล้วถามต่อว่า “แล้วอะไรคือสิ่งที่ยังอยากลองแม้อายุเท่านี้แล้ว?”
    .
  2. เลิกใช้ชีวิตเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เริ่มใช้ชีวิตเพื่อ “มีส่วนร่วม”
    .
    นี่แหละที่ Erikson เรียกว่า Generativity การหันไปสร้างประโยชน์ให้คนอื่นและโลกใบนี้ ไม่ว่าจะผ่านการเลี้ยงดูลูก การสอน การเป็นที่ปรึกษา การเริ่มโปรเจกต์ที่ช่วยคนอื่น ฯลฯ
    .
    เราพบว่า คนที่ให้มากกว่าที่รับ มักรู้สึกว่าชีวิต “มีค่า” มากกว่าแค่ “สำเร็จ”
    .
    ลองถามตัวเองว่า “วันนี้ฉันกำลังสร้างอะไรให้คนรุ่นต่อไปอยู่บ้าง?” มันอาจเล็กแค่การฟังลูกคุยอย่างตั้งใจ หรือแชร์ประสบการณ์พลาด ๆ ให้รุ่นน้องฟังเพื่อเขาจะได้ไม่เดินซ้ำรอยเรา แค่นี้ก็ได้นะครับ
    .
  3. ลงทุนกับตัวเองแบบที่เด็กยี่สิบไม่มีวันเข้าใจ
    .
    ตอนยี่สิบ เราอาจจะลงทุนกับภาพลักษณ์ วัยกลางคน เรามีโอกาสลงทุนกับ “ระบบข้างใน”
    .
    อาจเป็นการไปบำบัด (therapy) เพื่อเผชิญหน้ากับบาดแผลเก่า ๆ อย่างจริงจัง การดูแลสุขภาพให้ร่างกายยัง “เล่นกับลูกหลานได้” ไม่ใช่แค่ “รอดจนเกษียณ” หรือกลับไปเรียนอะไรใหม่ ๆ ที่เคยสนใจแต่ไม่กล้าทำ
    .
    Maslow เรียกแรงขับนี้ว่า “self-actualization” ความอยากใช้ศักยภาพตัวเองให้เต็มที่ ไม่ใช่เพื่อทำให้คนอื่นประทับใจ แต่เพื่อรู้สึกว่า “ฉันได้ใช้ชีวิตของฉันจริง ๆ แล้ว”
    .
    เอาจริงๆ นะ ช่วงเวลาแบบนี้โคตรอึดอัดเลย (ผมผ่านมันมาแล้ว อย่างหน่วง)
    .
    คุณอาจต้องยอมรับว่าบางความสัมพันธ์ไปต่อไม่ได้ บางแผนการเงินต้องรื้อใหม่ บางบทบาทต้องลดความสำคัญลงเพื่อให้คุณได้หายใจเป็นตัวเอง
    .
    แต่นี่ไม่ใช่การ “แตกสลาย” มันคือการ “ถอดชิ้นส่วน” เพื่อประกอบกลับใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม
    .
    Jung เคยพูดว่า “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการยอมรับตัวเองอย่างสมบูรณ์”
    .
    เพราะพอคุณยอมรับตัวเองได้จริง ๆ คุณจะหมดข้ออ้าง คุณจะไม่สามารถโทษพ่อแม่ เจ้านาย หรือสังคมไปเรื่อย ๆ ได้อีก

แต่ผมอยากเป็นกำลังใจให้ครับถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ นั่นแสดงว่าคุณเริ่มยอมรับแล้วว่า “บางอย่างในชีวิตฉันต้องเปลี่ยน” และนั่นแหละ…คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด
.
จำเรื่องรูปตัว U เอาไว้ วัยกลางคนไม่ใช่จุดจบของเส้นกราฟชีวิต มันคือจุดที่กราฟหันหัวกลับขึ้น คุณไม่ได้กำลังพัง คุณกำลังดึงด้ายทุกเส้นออกมาดูใหม่ ว่าอันไหนที่อยากเก็บเอาไว้จริงๆ
.
ครึ่งแรกของชีวิต คุณใช้ไปกับการวิจัย ทดลอง แกล้งเป็น ครึ่งหลัง…คือช่วงที่คุณจะได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองจริง ๆ แล้ว (เย้!!)
.
วัยกลางคน…ไม่ใช่วิกฤต แต่มันคือจังหวะคลายปมชีวิต
.
มันคือโอกาสให้ชีวิตเริ่มต้นใหม่ แบบที่โตกว่า ซื่อสัตย์กว่า และเป็นคุณมากที่สุด


[ #เก่งแบบเป็ด 🦆]

[ Better, Not Done ]


อ้างอิง : https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/18316146/
https://www.verywellmind.com/generativity-versus-stagnation-2795734
https://brenebrown.com/articles/2018/05/24/the-midlife-unraveling
https://www.goodreads.com/work/quotes/3389674-ein-psycholog-erlebt-das-konzentrationslager
https://medium.com/personal-growth/carl-jung-life-really-does-begin-at-40-424dc4fe3cae
https://www.goodreads.com/quotes/4483092-life-really-does-begin-at-forty-up-until-then-you


ไม่พลาดบทความที่จะช่วยให้คุณเก่งขึ้นจาก Producktivity

เพียงกรอก e-mail ที่ลิงก์นี้ -> Subscribe 📮 <-, รับรองไม่มี Spam แน่นอนครับ

Leave a comment